ขายอาหารเสริม ราคาส่ง ขายถูกที่สุด ไม่คิดค่าส่ง

น้ำผลไม้ เพื่อสุขภาพจริงหรือ?

รูป น้ำผลไม้

     คำถามนี้ผุดขึ้นในใจหลังจากที่ได้คุยกับเพื่อนรุ่นพี่ แล้วเธอบอกเล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ “เดี๋ยวนี้ฉันหันมารักษาสุขภาพแล้วนะ ด้วยการรับประทานน้ำผลไม้ทุกวัน” เรื่องน้ำผลไม้ยังทำให้ผู้เขียนนึกไปถึงประสบการณ์ตรงของตัวเอง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดัชนีราคาส้มเขียวหวานในท้องตลาดต่ำ ผู้เขียนจึงขนซื้อทีละ 5 โล 10 โลแล้วนำมาคั้นเป็นน้ำส้มสดไม่ผสมน้ำตาล รับประทานทุกวัน วันละเป็นเหยือกเลยทีเดียว ติดต่อกันจนหมดฤดูกาลส้มราคาถูก ผลปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาตรวจสุขภาพประจำปีไขมันไตรกลีเซอไรด์พุ่งกระฉูด

             ผลพวงของการปลูกฝังความคิด และอิทธิพลของสื่อโฆษณาทำให้ภาพลักษณ์ของน้ำผลไม้ในสายตาผู้บริโภคเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากการเป็น “น้ำเพื่อสุขภาพ” แน่นอนว่าหากเทียบกับน้ำอัดลม น้ำหวานหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำผลไม้ย่อมมีประโยชน์กว่าอยู่แล้ว แต่ทว่าเหรียญมีสองด้านฉันใด ทุกสิ่งอย่างย่อมมีทั้งคุณและโทษในตัวฉันนั้น น้ำผลไม้เองก็ไม่เว้น

             น้ำผลไม้ หากแบ่งกว้าง ๆ จะได้ 2 แบบ คือ น้ำผลไม้คั้นสดกับน้ำผลไม้เข้มข้น (Concentrated) ที่ต้องนำมาเจือจางก่อน ทั้ง 2 แบบเมื่อผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมแล้ววิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินซีซึ่งสลายเร็วมากจะสูญหายไปสิ่งที่เหลืออยู่ก็แค่น้ำ น้ำตาล และรสชาติความอร่อย น้ำผลไม้ หากต้องเลือกควรเป็นน้ำผลไม้คั้นสดที่ค้นแล้วต้องดื่มทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานสารอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายก็จะหายไป ส่วนน้ำผลไม้ที่คั้นใส่ขวดขายไม่อยากแนะนำเนื่องจากหลาย ๆ เจ้ามักเติมน้ำตาลและปรุงแต่งได้รสชาติถูกปากผู้บริโภคนี่ยังไม่นับรวมเรื่องความสะอาดถูกหลักอนามัย วกกลับมาที่ประเด็นหลักที่อยากบอกกล่าว สิ่งที่น่ากลัวและพึงระวังในน้ำผลไม้ คือ “น้ำตาล” แม้จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติ (Fructose) ที่มีอยู่ในผลไม้เองก็เถอะ แต่ถ้าบริโภคแบบไม่บันยะบันยังก็มีสิทธิ์จะทำให้ไขมันในเลือดพุ่งสูงได้น้ำตาลก็คือ คาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง เมื่อเราบริโภคเกินความจำเป็นในการใช้งานน้ำตาลจะถูกแปรเป็นไกลโคเจนสะสมในตับและกล้ามเนื้อเพื่อเป็นพลังงานสำรองแต่ตับของเรามีขีดจำกัดในการรองรับ น้ำตาลส่วนเกินที่เหลือจากการสะสมในรูปไกลโคเจนจึงถูกเปลี่ยนเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์ล่องลอยในกระแสเลือด

             ­ข้อมูลระบุน้ำผลไม้ 1 แก้ว (ประมาณ 240 ซีซี) มีน้ำตาลฟรุกโตสมากสุดถึง 8 ช้อนชาเลยทีเดียว ขณะที่อีกข้อมูลชี้น้ำส้ม 1 แก้วให้พลังงาน 110 แคลอรี และไฟเบอร์ไม่ถึง 1 กรัม ขณะที่ส้ม 1 ผลให้พลังงานประมาณ 85 แคลอรีและไฟเบอร์ 4 กรัม คนที่เป็นเบาหวาน ความดันสูง และโรคอ้วนต้องระวังให้มาก ๆ เนื่องจากน้ำผลไม้มีไฟเบอร์ต่ำ เมื่อดื่มเข้าไปร่างกายจะดูดซึมอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดผันผวนอย่างรวดเร็ว ตับอ่อนต้องทำงานอย่างหนักในการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อตามเก็บน้ำตาลเหล่านั้นเข้าไปไว้ที่เซลล์

             น้ำผลไม้จัดเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณที่ดื่มและหากเป็นไปได้ควรบริโภคควบคู่กับโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เช่น พวกธัญพืช และแป้งที่มีไฟเบอร์สูง) เพื่อให้น้ำตาลถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดช้า ๆ หากเลือกได้ ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุดและรับประทานผลไม้สด ๆ ดีกว่าได้ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ครบครันไฟเบอร์หรือเส้นใยในอาหารจะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ดูดซึมน้ำตาลไปใช้ ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นหรือลดลงเร็วเกินไปนัก แต่ถ้าชื่นชอบการดื่มน้ำผลไม้ยิ่งนัก แนะนำให้เลือกทางสายกลาง คือ ดื่มแต่พอดี ที่เขาบอกว่า Too much of something is no good. นั้นมันจริงแท้แน่นอน

 

ดื่มน้ำผลไม้อย่างไรให้ได้ประโยชน์

 

สำหรับบรรดา Juice Lovers มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการดื่มน้ำผลไม้แบบถนอมสุขภาพมาฝากค่ะ เช่น

·    ทำเป็นเครื่องดื่มสมูทตี้โดยปั่นน้ำผลไม้กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือนำน้ำผลไม้ที่แช่แข็งแล้วผสมโยเกิร์ตปั่นให้เข้ากันแล้วเข้าช่องฟรีซทำเป็น Fruit Bars โปรตีนจากโยเกิร์ตจะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล

·    ผสมโซดากับน้ำผลไม้ในอัตราส่วน 2:1 จะเป็นเครื่องดื่มให้ความหวานปะแล่ม เรียกความสดชื่นได้

·    ดัดแปลงสูตรน้ำสลัดโดยการผสมน้ำผลไม้แทนการใช้น้ำตาล

·    น้ำผลไม้มีความเป็นกรด การดื่มน้ำผลไม้บ่อย ๆ อาจกัดกร่อนผิว เคลือบฟันให้บางลงได้ ดื่มน้ำผลไม้แล้วจึงควรดื่มน้ำเปล่าตามด้วย 

·    อ่านฉลากข้างกล่องน้ำผลไม้ทุกครั้ง ศึกษาส่วนผสมอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงยี่ห้อที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูง


credit หนังสือ THE FIRST WEALTH IS HEALTH กินดีอยู่ดี  

 

ผู้เขียน วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์ ผู้ให้สาระ และ ความรู้ที่น่าสนใจ