ขายอาหารเสริม ราคาส่ง ขายถูกที่สุด ไม่คิดค่าส่ง

ประโยชน์ของ ธาตุสังกะสี

รูปตัวอย่าง ประโยชน์ของ สังกะสี กับอาหารที่ได้รับ

สังกะสี

สังกะสีมีชื่อภาษาอังกฤษว่า ซิงค์ (Zinc: Zn) เป็นแร่ธาตุในกลุ่มที่ร่ายกายต้องการปริมาณน้อย หากรับประทานอาหารได้ปกติร่างกายมักจะไม่ขาด จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานสังกะสีเสริม เว้นในกรณีที่ร่างกายมีปัจจัยที่ทำให้ได้รับสังกะสีไม่มเพียงพอ เช่นผู้ป่วยลำไส้อักเสบ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ โดยเฉพาะในคนที่ควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่ดื่มเหล้า ผู้ที่รับประทานยาปฎิชีวนะ ซึ่งทำให้พลเมืองชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งขาดสังกะสี คนเหล่านี้ก็อาจจะเสริมสังกะสีได้ แต่หากคนที่รับประทานอาหารครบถ้วนอยู่แล้ว และรับประทานสังกะสีในรูปแบบเม็ดที่มาจากอาหารเสริมเข้าไปไปอีก ร่ายกายก็จะขับสังกะสีทิ้งทางอุจจาระ ดังนั้น จึงเสียเงินเปล่า และหากได้รับสังกะสีมากเกินไป ก็เกิดอันตรายาได้

ประโยชน์ของสังกะสี

1 ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ต่างๆ สังกะสีจำเป็นต่อโครงสร้างและการทำงานของเอนไซม์กว่า 300 ตัว เอนไซม์ที่มีสังกะสีประกอบ เช่น Alcohol dehydrogenase, Carbonic anhydrase และ Carboxypeptidase จึงมีความสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโต และพัฒนาการในเด็ก

2 ช่วยในการทำงานของอินซูลิน และป้องกันการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระซึ่งมีมากในผู้ป่วยเบาหวาน

3 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันและลดการติดเชื้อทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ

4 บรรเทาอาการหวัด ช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้น

5 จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ผม เล็บ

6 ต้านอนุมูลอิสระ

7 ต้านการอักเสบ

8 ลดความดันโลหิตสูง หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ

9 กระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก ลดการสลายของกระดูก

10 กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก ได้ใช้สังกะสีและเหล็กเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้แก่ทารกอายุ 3-6 เดือน เพื่อป้องกันโรคท้องร่วงและโลหิตจาง

สังกะสี มีความสัมพันธ์กันอย่างไร กับโรคหวัด

การศึกษาเชิงระบาดวิทยากับประชากรกลุ่มใหญ่ พบว่าสังกะสีลดความรุนแรงของหวัด ช่วยให้หายจากหวัดได้เร็วขึ้น

สังกะสี สามารถรักษาสิวได้ จริงหรือ ??

มีข้อความกล่าวอ้างว่าสังกะสีจะช่วยรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง จึงช่วยลดการอุดตันของไขมันที่เป็นสาเหตุของสิว ทำให้ผู้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ทำการโฆษณาว่าการรับประทานสังกะสีปริมาณมากช่วยป้องกันการเกิดสิว แต่จากรายงานการวิจัยทางการแพทย์พบว่าการรักษาสิวด้วยสังกะสีไม่มี ประสิทธิภาพ วารสารทางสมาคมแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกาไม่ได้จัดให้การใช้สังกะสีเป็นวิธีมาตรฐานในการรักษาสิว และแพทย์ผิวหนังทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศก็ไม่ได้สั่งจ่ายสังกะสีเป็นยารักษาสิวเนื่องจากต้องใช้สังกะสีปริมาณสูงถึง 30 มิลลิกรัมต่อวัน และยังให้ผลไม่ชัดเจนอีกด้วย

สังกะสี สามารถเสริมสมรรถภาพทางเพศได้จริงหรือ ??

จากประโยชน์ที่ว่าสังกะสีช่วยสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ในน้ำอสุจิมีสังกะสีอยู่มาก อีกทั้งสังกะสีจำเป็นต่อการทำงานของต่อมลูกหมาก และการเจริญของการทำงานอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ยังไม่มีงานวิจัยใดๆรับรองว่าสังกะสีช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้ และจากการที่พบว่าในหอยนางรมมีสังกะสีมาก ผู้ที่ต้องการเสริมสมรรถภาพทางเพศจึงนิยมรับประทานหอยนางรมมาก อาจจะทำให้เกิดคอเลสเตอรอลสูงได้ กลับกลายเป็นว่าทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี กลายเป็นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแทนอีกต่างหากนะค่ะ

แหล่งของสังกะสี

แหล่งของสังกะสี ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ ตับ อาหารทะเลโดยเฉพาะหอยนางรม เนยแข็ง ข้าวสาลี งา อัลฟัลฟา ถั่ว ธัญพืชทั้งเมล็ด (Whole grains) เมล็กฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน ในพืชจะมีสังกะสีน้อย หากธัญพืชมีการขัดสีด้วยแล้วสังกะสีจะหมดไป สังกะสีจากสัตว์จะมีมากและดูดซึมง่ายกว่าในพืชเพราะกรดอะมิโนจากการย่อยโปรตีน จากเนื้อสัตว์ช่วยในการดูดซึมสังกะสีในลำไส้ ส่งผลให้เด็กในประเทศอียิปต์มีร่างกายแคระเกร็น

น้ำนมถั่วเหลืองครึ่งถ้วย มีปริมาณสังกะสี 0.3 มิลลิกรัม

เต้าหู้แข็งครึ่งถ้วย มีปริมาณสังกะสี 1.0 มิลลิกรัม

ถั่วแดงสุกครึ่งถ้วย มีปริมาณสังกะสี 0.9 มิลลิกรัม

งา 2 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณสังกะสี 1.4 มิลลิกรัม

ถั่วลันเตาสุกครึ่งถ้วย มีปริมาณสังกะสี 1.0 มิลลิกรัม

ไข่ฟองใหญ่ 50 กรัม มีปริมาณสังกะสี 0.5 มิลลิกรัม

โยเกิร์ตครึ่งถ้วย 125 กรัม มีปริมาณสังกะสี 0.8-1.2 มิลลิกรัม

เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 100 กรัม มีปริมาณสังกะสี 1.5-4 มิลลิกรัม

หอยนางรม 100 กรัม มีปริมาณสังกะสี 75 มิลลิกรัม

ตับ 100 กรัม มีปริมาณสังกะสี 4 มิลลิกรัม

ธัญพืช 100 กรัม มีปริมาณสังกะสี 0.4-1 มิลลิกรัม

ปริมาณรับประทาน

ปริมาณความต้องการ สังกะสี ของแต่ละคนไม่เท่ากันตามเพศ อายุ และสภาวะของร่างกาย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดปริมาณสังกะสีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันดังนี้

น้อยกว่า 1 ปี ต้องการสังกะสี 3-5 มิลลิกรัมต่อวัน

1-10 ปี ต้องการสังกะสี 10 มิลลิกรัมต่อวัน

11 ปี ต้องการสังกะสี 15 มิลลิกรัมต่อวัน

สตรีมีครรภ์ ต้องการสังกะสี 20-25 มิลลิกรัมต่อวัน

สตรีให้นมบุตร ต้องการสังกะสี 25-30 มิลลิกรัมต่อวัน

การดูดซึมสังกะสี

สังกะสีในรูปของออกไซด์ (Zinc oxide) และคาร์บอเนต (Zinc carbonate) ละลายยากและดูดซึมไม่ดี สังกะสีในรูปกลูโคเนต (Zinc gluconate) เป็นรูปที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพิ่งมีการค้นพบไม่กี่ปีมานี้ว่าสังกะสีในรูปไกลซิเนต (Zinc glycinate) ร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด จึงเหมาะที่จะใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

การขาดสังกะสี

การขาดสังกะสีพบได้ในเด็กทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา การขาดสังกะสีมีผลต่อการผลิตน้ำนมของแม่

ไม่ควรรับประทานสังกะสีพร้อมกับแคลเซียม เหล็ก ทองแดง แมงกานีส เพราะจะขัดขวางการดูดซึม

ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณสังกะสีไม่เพียงพอ ได้แก่

1 การรับประทานอาหารที่มีปริมาณสังกะสีต่ำ

2 การรับประทานทองแดงเสริมมากเกินไป เพราะทองแดงจะลดการดูดซึมสังกะสี

3 ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชมากจะได้รับไฟเตตซึ่งเป็นสารที่พบมากในผักและธัญพืช จะลดการดูดซึมสังกะสี ดังนั้นผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติจะมีสังกะสีต่ำเนื่องจากดูดซึมได้ไม่ดี ดังนั้นอาจรับประทานสังกะสีเสริม

4 การดื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะลดการดูดซึมสังกะสี

5 อายุที่มากขึ้นส่งผลให้ประสิทธิภาพการดูดซึมสังกะสีลดลง

6 ผู้ที่อยู่ในระยะตั้งครรภ์ต้องการสังกะสีมากเป็นพิเศษ

7 การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลานาน

8 โรคต่างๆ ที่ต้องการธาตุสังกะสีมากเป็นพิเศษ เช่น การติดเชื้อเรื้อรัง ผิวหนังอักเสบ (Psoriasis) ตับแข็ง (Cirrhosis) โรคพันธุกรรมในเด็กเล็ก (Acrodermatitis enteropathica) โรคผิวหนังอักเสบ ผู้ป่วยโรคตับ ไต เบาหวาน จะดูดซึมสังกะสีได้ต่ำ

อาการเมื่อขาดสังกะสีเป็นเวลานาน

1 การเจริญเติบโตของร่างกายล่าช้าในเด็ก ทำให้เด็กตัวเล็ก

2 อวัยวะเพศเด็กไม่โตขึ้นตามวัย

3 ผิวหนังมีการอักเสบเป็นผื่นแดง ระยะแรกจะเป็นรอบปากและอวัยวะเพศ ต่อมาจะลามไปที่แขนขา และพุพอง

4 การรู้รสลดน้อยลง เบื่ออาหาร

5 ผมร่วง ผมแห้งแตกปลาย เล็กเปราะ เป็นจุดขาว ผิวแห้ง

6 ตาฟางหรือตาบอดกลางคืน เหมือนกับการขาดวิตามินเอ เพราะสังกะสีมีส่งนช่วยในการเปลี่ยนในรงควัตถุที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น

7 แผลหายช้า

8 ภูมิต้านทานลด

9 เมื่อสังกะสีในร่างกายมีระดับต่ำจะส่งผลต่อความดันโลหิตสูง เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ เบาหวาน อินซูลิน

โทษของการได้รับสังกะสีมากเกินไป

ในกรณีที่ได้รับมากกว่าวันละ 100 มิลลิกรัม เป็นเวลานานจะมีผลเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

หากร่ายกายได้รับสังกะสีเกินกว่า 200 มิลลิกรัม จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย

การได้รับสังกะสีในปริมาณสูงเกินกว่า 1.5 เท่าของปริมาณที่แนะนำติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดทองแดงเพราะสังกะสีลดการดูดซึมธาตุเหล็กและทองแดง

การรับประทานสังกะสีมากเกิน 325-650 มิลลิกรัม ก่อให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน เกร็งกล้ามเนื้อท้อง ปวดเกร็ง ท้องร่วง หากสตีมีครรภ์ ได้รับมากเกินไปจะทำให้ทารกพิการหรือเสียชีวิต หากได้รับปริมาณสูง กว่า 4 กรัม อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

 

ไม่ควรรับประทานเกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกากำหนดค่าสูงสุดของการได้รับสังกะสีไว้ที่ 40 มิลลิกรัมต่อวัน

 

credit คู่มือ อาหารเสริม

ผู้เขียน ดร. เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์