ขายอาหารเสริม ราคาส่ง ขายถูกที่สุด ไม่คิดค่าส่ง
ประโยชน์ของ ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก
เหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือด กล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยช่วยป้องกันแต่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย
ในร่างกายมีเหล็กประมาณ 3-5 กรัม ในเพศชายจะมีเหล็กสูงกว่าเพศหญิง 70% ของเหล็กอยู่ในเม็ดเลือดแดง ในเลือด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตรมีเหล็กประมาณ 40-50 มิลลิกรัม เหล็กอีก 30% อยู่ในตับ ม้าม ไขกระดูก และกล้ามเนื้อ
เหล็กที่ว่านี้ไม่ใช่เหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างนะค่ะ แต่เป็นเหล็กในอีกรูปหนึง (รูปสนิมเหล็ก) ในภาคอีสาน สตรีมีครรภ์จะมีความรู้สึกอยากรับประทานดิน เพราะร่างกายต้องการธาตุเหล็กมากเป็นพิเศษ จึงเกิดความอยากรับประทานดินแดงซึ่งมีธาตุเหล็กอยู่ ก็จะเอาดินนั้นมาเผาไฟแล้วรับประทาน แม้แต่การใช้ภาชนะเหล็กปรุงอาหารก็จะทำให้อาหารมีเหล็กเพิ่มขึ้น เหมือนทองแดง ก็ใช้กระทะที่ทำจากทองแดง เช่นเดียวกันก็ได้จะได้รับทองแดงเพิ่มในอาหาร
เหล็กพบมากในหอยแครง หอยนางรม ปลา ถั่วแดง มะเขือพวง เนื้อสัตว์ ไข่แดง ถั่ว ผักใบเขียว ยีสต์ สาหร่าย โดยเหล็กจากเนื้อจะดูดซึมได้ 5-35% ซึ่งดีกว่าเหล็กที่ได้จากผัก ซึ่งดูดซึมได้ 2-20% แต่ยังพบว่า 60% ของเหล็กในรูปของอาหารจะดูดซึมยาก ดังนั้นจึงควรรับประทานพร้อมกับวิตามินซีซึ่งจะช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก
น้ำนมถั่วเหลืองครึ่งถ้วย มีปริมาณธาตุเหล็ก 0.4-1.0 มิลลิกรัม
เต้าหูแข็งครึ่งถ้วย มีปริมาณธาตุเหล็ก 6.6 มิลลิกรัม
ถั่วแดงสุขครึ่งถ้วย มีปริมาณธาตุเหล็ก 2.6 มิลลิกรัม
งา 2 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณธาตุเหล็ก 2.7 มิลลิกรัม
ข้าวโอ๊ตสุกครึ่งถ้วย มีปริมาณธาตุเหล็ก 2.1 มิลลิกรัม
พรุ่นแห้ง ¼ ถ้วย มีปริมาณธาตุเหล็ก 1.1 มิลลิกรัม
บรอกโคลีสุกครึ่งถ้วย มีปริมาณธาตุเหล็ก 0.7 มิลลิกรัม
มันฝรั่งสุดขนาดกลาง 1 หัว มีปริมาณธาตุเหล็ก 2.3 มิลลิกรัม
เหล็กเป็นสารอาหารที่พบการขาดได้บ่อย การขาดเหล็กทำให้โลหิตจาง ซีด เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หัวใจเต้นถี่ ความสามารถในการเรียนรู้ช้าลง ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย ปวดศีรษะบ่อย เป็นหวัดหรือ โรคผิวหนังง่าย มุมปากแตกแห้ง ผมหักง่าย หากขาดมากอาจมีเลือดออกในลำไส้ สตรีมีครรภ์จะทำให้บุตรคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย เล็กจะงอกเป็นรูปช้อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยลำไส้อักเสบมักจะขาดเหล็ก และยังพบว่าผู้ที่มีพยาธิก็จะเสียเหล็ก เนื่องจากพยาธิดูดเลือดไป
ในกรณีที่เกิดท้องร่วงร่างกาย จะเสียเหล็กไปกับอุจจาระมากและอันตรายถึงแก่ชีวิตโดยเฉพาะในเด็ก กองทุนเพื่อเด็กแห่งประชาชาติ องค์กรอนามัยโลก จึงได้ใช้เหล็กและสังกะสีเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้แก่ทารกอายุ 3-6 เดือน เพื่อป้องกันโรคท้องร่วงและโลหิตจาง
ยาปฎิชีวนะ อะลูมิเนียม แคลเซียม ไฟเตต ในธัญพืช แทนนินในใบเมี่ยง ชะพลู ชา กาแฟ หรือยาลดกรดจะลดการดูดซึมเหล็ก ดังนั้นไม่ควรรับประทานยาเหล่านี้พร้อมกับเหล็ก หากจะรับประทาน ควรรับประทานก่อนหรือหลังรับประทานเหล็ก 2 ชั่วโมง
เพศหญิงและชายต้องการเหล็กไม่เท่ากัน ผู้ชายควรได้รับ 10 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรได้รับ 18 มิลลิกรัม เพราะผู้หญิงเสี่ยงที่จะขาดเหล็กมากกว่าผู้ชายเนื่องจากต้องเสียเหล็กไปกับประจำเดือน ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติควรเสริมเหล็กมากกว่าผู้ที่รับประทานอาหารปกติ 1.8 เท่า
ข้อควรระวัง
หากจะรับประทานเหล็กเป็นอาหารเสริม ไม่ควรรับประทานมากและติดต่อกันเกิน 1 เดือน เพราะจะเกิดภาวะอุจจาระสีดำ อุจจาระแข็ง ท้องผูก เป็นมะเร็งได้ ในผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่มีม้ามและตับโตเนื่องจากมีเหล็ก เกินจำเป็นต้องได้รับยากำจัดเหล็ก ดังนั้นผู้ป่วยธาลัสซีเมียจึงควรได้รับเหล็กจากอาหาร แทนการรับประทานอาหารเสริม แต่สาสมรถรับประทานโฟเลตเสริมได้ เพื่อช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
credit คู่มือ อาหารเสริม
ผู้เขียน ดร. เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์
