ขายอาหารเสริม ราคาส่ง ขายถูกที่สุด ไม่คิดค่าส่ง

กินวิตามินเสริม ดีหรือไม่

กิน วิตามิน จำเป็นหรือไม่

มักจะมีคนรู้จักและน้อง ๆ มาปรึกษาผู้เขียนเสมอเกี่ยวกับการซื้อวิตามินและอาหารเสริม พอถามว่าทำไมถึงอยากกิน คำตอบที่เหมือนกันหมดคืออยากมีสุขภาพแข็งแรง อยากผอม อยากสวย ผู้เขียนไม่อยากขัดศรัทธาจึงได้คำแนะนำไป วิตามินและอาหารเสริมเข้ามามีบทบาทในหมู่ผู้บริโภคคนไทยสักยี่สิบปีก่อนและเพิ่งมาฮิตจริงจังไม่เกินสิบปีนี้เอง แต่ช่วงหลังมานี้สรรพคุณของวิตามินและอาหารเสริมถูกโฆษณาจนดูเหมือนจะเป็นยาครอบจักรวาลไปแล้ว งั้น! เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิตามินและอาหารเสริมกันดีกว่า เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่คิดจะซื้อมาใช้

วิตามินจำเป็นแค่ไหนต่อร่างกาย

วิตามิน (ในที่นี้รวมถึงแร่ธาตุ กรดอะมิโน และกรดไขมัน) เป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกาย เราอาจต้องการปริมาณเพียงน้อยนิด แต่ขาดไม่ได้เลยต้องได้รับทุกวันเพื่อให้กลไกต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ตามปกติ ร่างกายสร้างวิตามินเองไม่ได้ แต่เราก็ได้สารอาหารเหล่านี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไป หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าวิตามินสามารถรับประทานแทนอาหารได้ เลยบริโภคกันเป็นกอบเป็นกำ (มือ) จัดกันเป็นชุดใหญ่เลย ขอบอกว่ามันไม่ใช่ยังไงอาหารหลักต้องมาก่อนอาหารเสริมมาทีหลัง ถ้าเรารับประทานอาหารหลากหลายและครบครันทุกมื้อ เผลอๆ ไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ไปซื้อวิตามินมารับประทานด้วยซ้ำ

วิตามินเสริมควรถูกนำมาใช้ในกรณีที่เรารับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่หรือภาวะโภชนาการไม่ดี วิตามินเหล่านี้สามารถเติมเต็มในส่วนที่ขาดได้ กลุ่มที่ต้องการวิตามินหรืออาหารเสริมโดยมากเป็นคนที่เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารประกอบด้วย ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร คนที่รับประทานมังสวิรัติ คนที่รับประทานอาหารแคลอรีต่ำมากๆ (เช่น คนที่อยากลดความอ้วนแล้วจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน) ผู้ป่วยบางโรค (เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง) คนที่แพ้อาหารง่ายคนที่เลือกกิน/กินยาก นี่ก็ไม่กิน โน่นก็ไม่ชอบ คนที่ดื่มเหล้า/สูบบุหรี่

ถ้าอยากรู้ว่าเราอยู่ในภาวะที่ต้องใช้วิตามินเสริมหรือไม่ ลองปรึกษาโภชนากรหรือนนักกำหนดอาหารดู โดยเขาจะประเมินจากพฤติกรรมการกินและวิถีการใช้ชีวิตจนสรุปได้ว่าเราควรหรือไม่ควรกินวิตามิน และถ้าควรกิน ต้องกินอะไรมากน้อยแค่ไหน

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญยังทำให้เราได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กว่าการเลือกซื้อเองสุ่มสี่สุ่มห้า วิตามินหรืออาหารเสริมบางอย่างมีข้อห้ามในการรับประทานด้วย เช่น ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานวิตามินเอมากเกินไปเพราะจะส่งผลต่อการเติบโตของทารกในครรภ์ อาจทำให้ทารกพิการได้ หรืออย่างน้ำมันปลา (Fish Oil) ไม่ใช่ว่าใครก็กินได้ ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงคือผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด หากรับประทานควบคู่กันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีบาดแผล จะทำให้เลือดหยุดไหลช้า เป็นอันตรายมาก

พูดถึงวิตามินในรูปเม็ดที่วางขายทั่วไป 95% เป็นวิตามินสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างโมเลกุลและการทำงานใกล้เคียงวิตามินธรรมชาติ (จากอาหาร) แต่ที่แตกต่างกันคือผลข้างเคียงจาก Overdose หรือการรับประทานมากเกินไป ถ้าเป็นวิตามินธรรมชาติ ความปลอดภัยมีมากกว่า ถ้าเกินความจำเป็น อย่างมากร่างกายก็ขับออกทางปัสสาวะ แต่ถ้าเป็นวิตามินสังเคราะห์ร่างกายจะนำไปใช้งานได้ต้องผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึมที่ตับ และถ้าเหลือใช้ไตก็จะขับออกทิ้งเป็นการเพิ่มภาระให้ตับและไตหนึ่งละสองคือวิตามินสังเคราะห์โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A D และ E หากรับประทานมากเกินไป ส่งผลข้างเคียงอันเป็นพิษต่อร่างกายได้

วิตามินสังเคราะห์ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถ้าจำเป็นต้องกิน และอยู่ในสถานะที่ซื้อหามาบำรุงตัวเองได้ ก็ทำไปเถอะค่ะ แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินโดยใช่เหตุก็ต้องลองปรับพฤติกรรมการกินโดยเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางอาหารสูง หาความรู้เกี่ยวกับโภชนาการและประเมินตัวเองคร่าวๆ ว่าในแต่ละมื้อเราได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่หรือไม่ มีหมู่ไหนที่ขาดหายไป ถ้ามีควรต้องเติมเต็มส่วนนั้น เป็นคนที่รับประทานอาหารซ้ำๆ หรือเปล่า เพราะพฤติกรรมแบบนี้ทำให้เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารเช่นกัน และสำหรับคนที่ชอบรับประทานฟาสต์ฟู้ดเป็นชีวิตจิตใจ อาหารทอด อาหารที่ไขมันสูงและอาหารอุดมด้วยน้ำตาลการกินวิตามินเสริมไม่ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น ที่ควรต้องท่ำคือการเปลี่ยนอาหารเปลี่ยนวิธีกิน

ฮิปโปเครตีส บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันกล่าวไว้ว่า “Let thy food be medicine and thy medicine be thy food.” : จงทำอาหารให้เป็นยา และจงทำยาให้เป็นอาหาร คำกล่าวนี้ถือเป็นอมตะแห่งความจริงสุด ล่วงเลยมากว่าสองพันปีแล้ว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าการรู้จักเลือกกิน มันส่งผลต่อสุขภาพแน่นอน อย่าลืมนะคะ วิตามินเสริมนั้นซื้อหามากินได้ แต่อย่าให้ความสำคัญจนละเลยอาหารมื้อหลักเพราะมันไม่สามารถทดแทนกันได้ ถ้าเลือกได้ วิตามินจากอาหารดีที่สุดเพราะเราไม่ได้รับแค่เพียงวิตามิน แต่ยังจะได้เอนไซม์ เส้นใยอาหาร และสารเคมีจากอาหาร (Phytochemicals) อีกมากมาย

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคุณประโยชน์ต่อร่างกาย