ขายอาหารเสริม ราคาส่ง ขายถูกที่สุด ไม่คิดค่าส่ง

กินอยู่อย่างไร ในที่ๆ มีแต่หน้าร้อน แบบบ้านเรา

รูป การกินอยู่ ในที่ ร้อนๆ

ได้ยินเสียงบ่นประสานจากทั่วสารทิศ เรื่องสภาวะอากาศที่ร้อนแบบผิดปกติที่เคยประชดประเทียดกันว่าเมืองไทยมี 2 ฤดู คือ ร้อนกับร้อนโคตรนั้น เห็นคงจะจริง โดยทั่วไปร่างกายของเรามีวิธีลดอุณหภูมิ เพื่อรักษาสมดุลในร่างกายด้วยการขับเหงื่อ จึงจะเห็นว่าเวลาที่อากาศร้อนมากๆ เรามักจะเหงื่อไหลไคลย้อยกันเป็นแถว นอกจากนั้น เส้นเลือดที่อยู่บริเวณผิวหนังจะขยายขึ้นให้เลือดมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น เพื่อเป็นระบายความร้อนอีกทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เวลาเจอความร้อน เราจึงมักหน้าแดง เนื้อตัวแดง พอหายร้อน เส้นเลือดหดตัว เราก็จะกลับสู่ภาวะเดิม

            แม้ร่างกายของเราจะถูกออกแบบมาให้สามารถปรับสภาพให้คงที่ที่สุดเพื่อให้เซลล์ต่างๆ ทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่จะเป็นการดียิ่งขึ้นหากว่าเราเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะธำรงดุลมากที่สุด ขณะที่ศาสตร์การแพทย์แผนจีนมีแบ่งอาหารเป็น “หยิน” อาหารที่รับประทานแล้วทำให้รู้สึกเย็น และ “หยาง” อาหารที่ทำให้เกิดความร้อน บ้านเราก็สั่งสมภูมิปัญญาชาวบ้านว่าด้วยศาสตร์การกินอาหารตามฤดูกาล เช่น หน้าร้อนกินข้าวแช่ กินทุเรียนแล้วตามด้วยมังคุด กินแกงดอกแคดักไข้หัวลม ดื่มน้ำสมุนไพรบางชนิด เป็นต้น วันนี้มีข้อแนะนำเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินมาฝาก เหมาะกับคนที่อยู่ในประเทศร้อนอบอ้าวเกือบจะทั้งปีแบบบ้านเรา ถ้าปฏิบัติตามได้ก็ลองดู เผื่อจะทำให้รู้สึกสบายเนื้อตัวขึ้นบ้าง

-   แทนที่จะจัดหนักในมื้อเดียว ลองรับประทานอาหารเบาๆ มื้อเล็กๆ แต่ถี่ขึ้นเริ่มมื้อเข้าด้วยข้าวต้ม โจ๊ก น้ำเต้าหู้ ตามด้วยน้ำผลไม้สด หรือผลไม้ที่ให้ฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม แอปเปิ้ล สาลี่ กล้วย สัปปะรด องุ่น มะละกอ เป็นต้น

-    เพิ่มผักในอาหาร ง่ายที่สุดก็เป็นสลัดผักนี่แหละ เพราะประกอบด้วยสารพัดผัด รวมถึงข้าวโพด แตงกวา มะเขือเทศที่ล้วนแต่ให้น้ำเยอะ ทำให้เลือดไม่ข้น และทำให้เย็นข้างในร่างกาย

-   ถ้าใช้เวลาอยู่กลางแจ้งจนโดนแดดเผาและรู้สึกร้อนระอุ จิบชาเขียวเย็นๆ เน้นว่าเป็นชาเขียวแท้ธรรมชาติปลอดน้ำตาล ไม่ใช่ชาเขียวขวดที่แต่งสี แต่งกลิ่น เติมน้ำตาล ชาเขียวธรรมชาติมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบรรเทาเซลล์จากความเสียหายในการถูกแสงแดดทำลาย

-   สร้างความชุ่มชื่นให้ร่างกายด้วยการดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ สัก 8-10 แก้วหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายเสียน้ำมากน้อยแค่ไหน อยากสดชื่นขึ้น ลองน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว นอกจากให้ความชื่นใจแล้วยังช่วยเพิ่มพลังอีกด้วย

-   น้ำสมุนไพรบางอย่าง เช่น ใบบัวบก ใบเตย ว่านหางจระเข้ กระเจี๊ยบ เก๊กฮวย รากบัว ช่วยคลายร้อนก็จริง แต่ถ้าผสมน้ำตาลเยอะ แล้วดื่มบ่อยเกินไปก็อาจทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์พุ่งได้

-   เช่นกันกับน้ำสมุนไพร บรรดาน้ำผลไม้ต่างๆ ดื่มแล้วให้ความสดชื่น แต่ให้ระวังเรื่องน้ำตาลด้วยนะคะ มากไปไม่ดีแน่นอน

-   หลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ย่าง ทอด หรือรมควัน เพราะถือเป็นอาหารหยางหรืออาหารที่ให้ฤทธิ์ร้อน

หลีกเลี่ยงเนื้อแดง หรือเนื้อที่มีไขมันสูงเพราะเพิ่มแคลอรีเกินความจำเป็นเปลี่ยนมารับประทานปลาบ้างจะดีกว่า

อากาศร้อนอาจทำให้กระหารเครื่องดื่มเย็นๆ แต่ถ้าดื่มของที่เย็นจัดมากเกินไปจะรบกวนระบบการย่อยและการระบายเหงื่อของร่างกายได้ ดื่มให้พอดีและเปลี่ยนมารับประทานผลไม้เย็นๆ เช่น แตงโม แตงไทย หรือสาลี่ดู

-   กรรมวิธีในการปรุงอาหารก็มีส่วนทำให้อาหารแต่ละอย่างมีฤทธิ์เป็นหยิน หรือ หยาง อย่างเนื้อวัวมีฤทธิ์เป็นกลาง แต่ถ้านำไปทอดหรือย่างจะทำให้กลายเป็นอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าใช้วิธีนึ่ง ต้ม หรือตุ๋นจะทำให้รับประทานแล้วไม่รู้สึกร้อน

ตบท้ายด้วยข้อมูลเกี่ยวกับอาหารร้อน (หยาง) เย็น (หยิน) และอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกลาง อาหารที่มีฤทธิ์เย็นประกอบด้วยหน่อไม้ กล้วย มะระ หอย ปู ส้มโอ ผักกาดหอม ลูกพลับ เกลือ สาหร่าย มะเฟือง อ้อย แห้ว แตงโม รากบัว แตงกวา ข้าวบาร์เลย์ เต้นหู้ ไข่ขาว สาลี่ สะระแหน่ หัวไชเท้า สตรอเบอร์รี่ ส้มเช้ง      โยเกิร์ต  บร็อคโลลี กะหล่ำดอก ข้าวโพด บวบ มะเขือเทศ สัปปะรด และขมิ้น

อาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ได้แก่ พริกไทย อบเชย ขิง น้ำมันถั่วเหลือง พริกไทยอ่อน ไก่ กุ้ง น้ำตาลไม่ฟอก เชอร์รี่ กุยช่าย มะพร้าว กาแฟ ผักชี ขึ้นฉ่าย อินทผลัม ปลาไหล กระเทียม ฝรั่ง ลำไย แฮม เนื้อแกะ ลูกจันทน์ ลูกพีซ ทุเรียน กะเพรา น้ำส้มสายชู ถั่ววอลนัท ขนุน ทุเรียน ต้นหอม มะม่วง ส้มเขียวหวาน องุ่น เม็ดบัว นม ผลมะกอก หอยนางรม มะละกอ ส่วนอาหารที่เป็นกลางประกอบด้วย น้ำผึ้ง ข้าวโพด เนื้อวัว เนื้อหมู บีทรูท เห็ดหูหนูทั้งดำและขาว แครอท เซเลอรี่ (ขึ้นฉ่ายฝรั่ง) ไข่แดง เป็ด ลูกมะเดื่อ มันฝรั่ง ฟักทอง ถั่วแดง เมล็ดทานตะวัน มันเทศ ถั่วลันเตา เผือก ลูกเกด ข้าวกล้อง และแอปเปิ้ล

 

อาหารมีผลต่อร่างกายแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องระวังไปทุกฝีก้าวจนทำให้เสียอรรถรสในการกิน เพียงแค่ให้มีข้อมูล และรู้เท่าทันในการบริโภคบ้างก็คงจะดีกว่าอาศัยสัญชาตญาณอย่างเดียว

 

credit หนังสือ THE FIRST WEALTH IS HEALTH กินดีอยู่ดี  

ผู้เขียน วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์ ผู้ให้สาระ และ ความรู้ที่น่าสนใจ